“แกรนด์ ยูนิตี้” ปรับโปรดักต์คอนโดฯ หันเจาะตลาดแมส ส่งแบรนด์ใหม่ “blue” กับ 3 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านบาท

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

แกรนด์ ยูนิตี้ กางแผนรุกตลาดอสังหาฯ ปี 65 อย่างเต็มรูปแบบ เปิดตัวแบรนด์คอนโดฯ ใหม่ “blue” กับ 3 โครงการบน 3 ทำเล รวมมูลค่าโครงการกว่า 2,500 ล้านบาท นำร่อง “บลู พหลโยธิน 35” เจาะกลุ่มเจนใหม่ ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท เผยเป้าขายปีนี้ 2,700 ล้านบาท

น.ส.ทัดดาว จิระสวัสดิ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY “Makes Sense.” กล่าวว่า ในปี 2565 แกรนด์ ยูนิตี้พร้อมเดินหน้าลุยตลาดอสังหาฯ อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการพลิกเกมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ที่เป็นปีแห่งการปรับเปลี่ยนและทบทวนกลยุทธ์องค์กร หรือ The Year of Optimization โดยในปีนี้บริษัทชูวิสัยทัศน์ Excellence in Values ใน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1.Product Excellence การพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่ความเป็นเลิศที่มีเครื่องมือชิ้นสำคัญ คือ การศึกษาความต้องการและปรับตัวตามโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ผนวกกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้

2.Service Excellence การดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจร และ 3.People Excellence การเสริมความรู้และทักษะให้พนักงาน

“ไฮไลตฺสำคัญของแผนธุรกิจปีนี้ คือ การเปิดตัวอีกหนึ่งแบรนด์คอนโดมิเนียม ภายใต้ ‘BLUE Series’ อย่างแบรนด์ “blue” ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “Explore Your Area ค้นพบความสุขที่ไม่ต้องไปไหนไกล” โดยถือเป็นแบรนด์ที่พัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ GEN ใหม่ และมีราคาที่จับต้องได้ เพราะที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการในกลุ่ม Middle to High มาโดยตลอด”

โดยโครงการภายใต้แบรนด์ “blue” ประกอบไปด้วย 3 โครงการ บน 3 ทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ โดยโครงการแรก ได้แก่ โครงการ บลู พหลโยธิน 35 มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท จำนวน 322 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ถัดมาจะเปิดตัวโครงการ บลู สุขุมวิท 89 และโครงการ บลู สุขุมวิท 105 ตามลำดับ รวมมูลค่าโครงการกว่า 2,500 ล้านบาท

“นอกจากนี้ แกรนด์ ยูนิตี้ยังได้เสาะแสวงหาทำเลศักยภาพซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง เพียบพร้อมด้วยสาธารณูปโภคและระบบคมนาคมที่สะดวกสบาย เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุค Now Normal และที่สำคัญต้องเกิดความคุ้มค่ากับผู้บริโภคมากที่สุด”

สำหรับเป้าผลการดำเนินงานในปี 65 นั้น ยังมุ่งผลักดันยอดขายโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ มูลค่ารวมกว่า 2,700 ล้านบาท และยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) เพื่อรองรับการโอนในปี 2565-2566 กว่า 3,500 ล้านบาท อีกทั้งเมื่อสถานการณ์ปรับตัวดีขึ้นยังมีโครงการที่รอการพัฒนาในหลายทำเลศักยภาพใกล้รถไฟฟ้า ประมาณการมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท

“ทำเลพหลโยธิน และรัชโยธิน จากการสำรวจเราพบว่า อัตราดูดซัปบยังดี ตัวเลขไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 44 ซึ่งถือว่ายังดีท่ามกลางภาวะโควิดและสภาวะตลาดอสังหาฯ ในปัจจุบัน ในส่วนของเป้ายอดขายที่ไม่สูงมาก เนื่องจากโปรดักต์ของบริษัทมุ่งเจาะกลุ่มเรียลดีมานด์มากกว่านักลงทุนที่ปัจจุบันหายไป”

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket