“อนุทิน” ถกแผนเชื่อมรถไฟ “ไทย-ลาว-จีน” ร่วมขบวนขนส่งสินค้า สั่ง รฟท.ของบกลางเร่งออกแบบสะพานข้ามโขง 2

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

“อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะถกเชื่อมรถไฟ “ไทย-ลาว -จีน” ตั้งอนุฯ เจรจาขนส่งข้ามแดน “หนองคาย-เวียงจันทน์” เพิ่มปริมาณสินค้าร่วมขบวนรถไฟลาว-จีน หลังเปิดบริการ ธ.ค. 64 ดันปริมาณสินค้าพุ่งกว่า 3 แสนตัน ขนส่งเร็วขึ้น 1 วัน ต้นทุนลด 25% พร้อมเร่ง รฟท.ของบกลางลุยออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำโขง 2

วันนี้ (13 ม.ค. 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ครั้งที่ 1/2565 เพื่อกำหนดนโยบายการเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน พร้อมจัดทำแผนการขนส่งสินค้า เพื่อกำกับ ติดตามเร่งขับเคลื่อนการเชื่อมโยงทางรถไฟ พร้อมขับเคลื่อนสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนต่อไป ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการฯ เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันตกประเทศจีน มายัง สปป.ลาว และประเทศไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้โครงสร้างพื้นฐานเป็นฐานหลักในการพัฒนาประเทศ

โดยหลังจากโครงการรถไฟจีน-ลาว เปิดเดินรถอย่างเป็นทางการแล้ว ในวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเส้นทางรถไฟที่มีความสำคัญในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เมื่อมีการเชื่อมต่อโครงข่ายโดยสมบูรณ์จากจีน ลาวมายังไทยแล้ว จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าตลอดเส้นทางได้ถึงร้อยละ 30-50 โดยใน 3-5 ปีข้างหน้า เมื่อโครงสร้างพื้นฐานในส่วนนี้ได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมมีการบริหารจัดการรองรับการขนส่ง เพื่อใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟสายนี้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่จะร่วมกันยกระดับเศรษฐกิจในภูมิภาคให้มีเสถียรภาพและยั่งยืน

สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว รวมการนำเข้า-ส่งออกของประเทศ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีมูลค่าสูงถึง 70,000 ล้านบาท โดยประเทศไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าจากการส่งออกที่มากกว่าการนำเข้าถึง 6 เท่า แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศรวมถึงการเดินทางของประชาชน แต่การค้าชายแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคาย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงการขนส่งของไทย-ลาว-จีน พบว่าในปี 2564 การส่งออกสินค้ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 กว่า 23% โดยเพิ่มขึ้นกว่า 12,000 ล้านบาท ในขณะที่การนำเข้าปี 2564 ลดลงเพียงเล็กน้อยประมาณ 2,000 ล้านบาท คิดเป็นลดลงร้อยละ 8 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เห็นชอบแผนการดำเนินงาน และเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อติดตามความก้าวหน้าสถานะการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเห็นชอบการจัดทำ Framework Agreement การขนส่งทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน โดยการเชื่อมต่อการเดินทางข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ ซึ่งในการเจรจาระหว่างประเทศนั้น ให้ดำเนินการเจรจาบนพื้นฐานที่ไทย ลาว และจีนมีความเกี่ยวข้องและผลประโยชน์ร่วมกัน โดยอาจยกระดับให้เป็นบันทึกข้อตกลงที่มีความผูกพันเพิ่มเติม

พร้อมกันนี้ ให้ รฟท.ดำเนินการของบกลางเพื่อออกแบบสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 และเร่งดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศต่อไป นอกจากนี้ ยังให้ดำเนินการแต่งตั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการเพิ่มเติม ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาแนวทางการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟไทย-ลาว และจีนต่อไป

ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันบูรณาการการทำงาน โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้งนำไปสู่การพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงคมนาคม ร่วมหารือเพื่อพิจารณาแผนการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน

อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาวการณ์ของประเทศผ่านช่วงสถานการณ์โควิด-19 แล้ว คาดการณ์ว่ามูลค่าทางการค้าที่บริเวณด่านหนองคายผ่านโครงข่ายรถไฟไทย-ลาว-จีนจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยสถานการณ์การค้าและการขนส่งในปัจจุบัน นับตั้งแต่โครงการรถไฟจีน-ลาว ได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 เปรียบเทียบสถิติการส่งออกสินค้าผ่านชายแดนหนองคายในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2563 กับช่วงเดือนธันวาคม ปี 2564 (ช่วงที่มีการเปิดการให้บริการรถไฟลาว-จีน) พบว่ามีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นจาก 116,552 ตัน เป็น 304,119 ตัน ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 4.64 พันล้านบาท เป็น 6.91 พันล้านบาท มูลค่านำเข้าส่งออกที่ด่านหนองคายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากมีรถไฟลาว-จีนเกิดขึ้น ซึ่งเร็วกว่าช่องทางอื่น 1 วัน และมีค่าขนส่งถูกกว่าประมาณ 25%

โดยมีการขนส่งสินค้าหลายชนิดผ่านทางรถไฟจีน-ลาวมายังไทย ได้แก่ ผักผลไม้สดแช่เย็น สิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ผลิตภัณฑ์เครื่องจักร เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนรถยนต์ ยางพาราและไม้แปรรูป การเตรียมความพร้อม และการส่งเสริมของภาครัฐ ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนผู้ประกอบการจะช่วยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศพร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกันต่อไป

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/business